นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ปรับปรุงล่าสุด เดือนมิถุนายน 2564

บริษัท กสิกร โกลบอล เพย์เมนต์ จำกัด (“บริษัท”) เป็นผู้ประกอบธุรกิจบริการชำระเงิน ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณและเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่าน บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์และเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) ฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิต่างๆ ของท่านตามกฎหมาย


นโยบายฉบับนี้ใช้กับใครบ้าง

นโยบายฉบับนี้ใช้สำหรับท่าน หากท่านเป็นบุคคลตามประเภทใดประเภทหนึ่งหรือหลายประเภท ดังนี้

  1. ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท เช่น บุคคลธรรมดาซึ่งใช้หรือเคยใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ผู้ติดต่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ผู้ที่รับทราบข้อมูลผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการผ่านช่องทางต่าง ๆ และผู้ที่ได้รับการเสนอหรือชักชวนจากบริษัทให้ใช้หรือรับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ
  2. บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน หุ้นส่วน ตัวแทน ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ผู้ติดต่อ ลูกจ้าง พนักงาน เจ้าหน้าที่ บุคลากร บุคคลในครอบครัว เพื่อน บุคคลที่ลูกค้าของบริษัทแนะนำหรืออ้างอิง ผู้ลงทุน ผู้คํ้าประกัน ผู้ให้หลักประกัน ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง คู่ค้า เจ้าหนี้ ลูกหนี้ ผู้ให้เช่า ผู้เช่า ผู้ลงทุน บุคคลที่ได้ชำระเงินให้แก่หรือรับเงินจากลูกค้าของบริษัท บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์ของบริษัท หรือเข้าใช้บริการที่สาขาหรือสำนักงานของธนาคารกสิกรไทยที่บริษัทกำหนด ที่ปรึกษาด้านวิชาชีพ และบุคคลธรรมดาอื่นในทำนองเดียวกัน
  3. บุคคลธรรมดาอื่นใดที่บริษัทมีความสัมพันธ์ ปฏิสัมพันธ์ ติดต่อกันโดยประการอื่น หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทไม่ว่าจะในทางใด

ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย

  1. ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่

    ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัท ทั้งที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ และติดต่อ เยี่ยมชม เข้าร่วมกิจกรรม ค้นหาผ่านช่องทางให้บริการ และ/หรือช่องทางการติดต่อต่างๆ ของบริษัท เช่น สาขาของธนาคารกสิกรไทย เว็บไซต์ Call Center สื่อสังคมออนไลน์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ แบบสอบถาม นามบัตร การประชุม อบรม สัมมนา งานอีเวนท์ สันทนาการกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด หรือช่องทางอื่นใด

    1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ผู้ให้บริการซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม บริษัทในเครือ และบริษัทย่อยของธนาคารกสิกรไทย สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงิน และผู้ให้บริการอื่นๆ ของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทที่ร่วมออกผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการกับบริษัท บริษัทข้อมูลเครดิต ผู้ให้บริการข้อมูล บุคคลหรือนิติบุคคลที่มาทำธุรกรรมกับบริษัท (ในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมดังกล่าวตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น) สื่อสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลภายนอก แหล่งข้อมูลสาธารณะ ผู้มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย หรือบุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่บริษัทมีนิติสัมพันธ์ด้วย เป็นต้น

    ในทางกลับกัน หากท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับท่านแก่บริษัท เช่น บุคคลในครอบครัว บุคคลอ้างอิง ผู้ค้ำประกัน ผู้รับผลประโยชน์ ผู้จัดการมรดก ผู้ติดต่อฉุกเฉิน และ/หรือ บุคคลอื่นใดตามเอกสารการทำธุรกรรมของท่าน ขอให้ท่านโปรดขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นหากจำเป็นเพื่อบริษัท และแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบเกี่ยวกับรายละเอียดตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ด้วย

    ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม/ใช้ และ/หรือเปิดเผย ดังต่อไปนี้

    • ข้อมูลส่วนตัว เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล นามแฝง (หากมี) อายุ เพศ อาชีพ วันเดือนปีเกิด ตำแหน่งงาน ระดับการศึกษา สัญชาติ ประเทศที่พำนัก ลายมือชื่อ ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาวีซ่า สำเนาใบต่างด้าว สำเนาใบอนุญาตทำงาน สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ สำเนาใบมรณบัตร สำเนาใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ หรือเอกสารระบุตัวตนที่มีลักษณะเดียวกัน) เป็นต้น
    • ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน และที่อยู่ในประเทศตามสัญชาติ สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล หรือบัญชีสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ (เช่น บัญชีผู้ใช้ Facebook ไอดี Facebook (Meta ID) ไอดีไลน์(LINE ID) หรือบัญชีผู้ใช้ร้านค้าออนไลน์อื่นๆ) เป็นต้น
    • ข้อมูลการทำงาน เช่น อาชีพและสาขาอาชีพ ตำแหน่ง อายุงานปัจจุบัน รายละเอียดงาน ประเภทธุรกิจ สัดส่วนการถือหุ้น และ/หรือ เอกสารอื่นใดเพื่อยืนยันการประกอบธุรกิจ (เช่น สัญญาเช่าสถานประกอบกิจการ) เป็นต้น
    • ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลรายได้ เลขบัญชีธนาคารที่ใช้รับเงิน ข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต แหล่งที่มาของรายได้ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร เป็นต้น
    • ข้อมูลการทำธุรกรรม เช่น ข้อมูลการสมัคร ช่องทาง และการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ ประเภทบัญชี ประเภทบัตร รายละเอียดธุรกรรมและวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรม รายละเอียดและประวัติการชำระเงิน เป็นต้นข้อมูลประกอบการใช้บริการ และ/หรือ ผลิตภัณฑ์ เช่น รายละเอียดใบสมัครขอใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ ข้อมูลตามแบบฟอร์มการทำ KYC (Know Your Customer) ข้อมูลอื่นๆ ที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทต้องขอจากท่าน (เช่น ความสัมพันธ์กับผู้ที่มีสถานะทางการเมือง) เป็นต้น
    • ข้อมูลทางเทคนิค อุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP address หรือ MAC address) ล็อก (Log) ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ (log) ระยะเวลาที่เข้าถึง การใช้งานและระยะเวลาการใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลการเรียกดู รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ บนอุปกรณ์ที่ท่านใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม และข้อมูลทางเทคนิคอื่น ๆ จากการใช้บนแพลตฟอร์มและระบบปฏิบัติการ
    • ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนกิจกรรมของบริษัท เอกสารเพิ่มเติมประกอบคำขอใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ ข้อมูลอื่นจากพันธมิตรทางธุรกิจ ข้อมูลจากโครงการพิเศษร่วม หนังสือยืนยันผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง ผลตอบรับและความคิดเห็นต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ ข้อมูลคะแนนการประเมินลูกค้า ข้อมูลพฤติกรรม ความคิดเห็น ความชื่นชอบบนสื่อสังคมออนไลน์ ข้อร้องเรียนและคำขอใช้สิทธิ์ ใบแจ้งความ หมายขอเอกสารจากหน่วยงานราชการ ข้อมูลพฤติกรรมการทุจริต และบันทึกการสื่อสารหรือการโต้ตอบระหว่างท่านกับบริษัท บันทึกเสียง ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว คลิป ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data) คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ โดยบริษัทไม่มีเจตนาในการเก็บรวบรวมข้อมูลละเอียดอ่อนจากท่าน หากแต่ในบางกรณี บริษัทอาจจำเป็นต้องขอข้อมูลละเอียดอ่อนจากท่านเพื่อประกอบการให้บริการหรือผลิตภัณฑ์แก่ท่าน เช่น ศาสนาและเชื้อชาติตามสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาหนังสือเดินทางของบางประเทศ ข้อมูลประวัติอาชญากรรม เป็นต้นบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน ต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต โดยจะดำเนินการเป็นคราวๆ ไปเมื่อต้องเก็บรวบรวมข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากท่าน
  3. (ต่อไปในนโยบายฉบับนี้หากไม่กล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนที่เกี่ยวกับท่านข้างต้น รวมกันว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”)

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อดำเนินการตามความยินยอมของท่าน และ/หรือเพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ โดยวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ มีดังนี้

  1. วัตถุประสงค์ที่อาศัยความยินยอม
    1. การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนที่บริษัทไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากการขอความยินยอมได้ วัตถุประสงค์ดังกล่าว ได้แก่
      • ข้อมูลศาสนาและเชื้อชาติ (ตามสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาหนังสือเดินทางของบางประเทศ) ซึ่งบริษัทจะไม่นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ แต่เก็บรวบรวมไว้เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารเพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
      • ข้อมูลประวัติอาชญากรรม ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลประเภทนี้ เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อการให้บริการหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทเท่านั้น
    2. การวิเคราะห์ข้อมูลและการทำวิจัย การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติและพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ เพื่อให้ท่านได้รับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการที่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย
    3. การดำเนินการทางการตลาด การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัทจัดขึ้น รวมถึงข่าวสาร คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และโปรโมชั่นที่คัดสรรอย่างเหมาะสม และการออกกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย
    4. ทั้งนี้ บริษัทอาจขอความยินยอมโดยตรงจากท่านหรือผ่านบริษัท กลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย บริษัทในเครือของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือนิติบุคคลอื่น

      หากฐานทางกฎหมายคือการขอความยินยอม ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมของท่านตลอดเวลาตามช่องทางที่บริษัทกำหนด การถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนที่จะมีการถอนความยินยอม

  2. วัตถุประสงค์ที่บริษัทอาศัยฐานทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากการขอความยินยอม
    1. การดำเนินการก่อนเข้าทำสัญญากับบริษัท เช่น การให้คำปรึกษา คำแนะนำ และ/หรือ ข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ การตรวจสอบคุณสมบัติ การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหรือเอกสาร การพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล การตรวจสอบและจัดทำ Sanction List, White List, Initial List และ Approve List การจัดชั้นลูกค้า การวิเคราะห์ข้อมูลและศึกษาความต้องการลูกค้า การดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ ตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท เช่น การรับชำระค่าสินค้า/บริการผ่านเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน หรือ ช่องทางอื่นๆ ที่บริษัทให้บริการและ/หรือ บริการต่าง ๆ เช่น การติดต่อสื่อสาร การรับส่งเอกสารหรือพัสดุ การประมวลผลคำขอและการดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาอนุมัติคำขอ การเข้าทำสัญญา ข้อตกลง และ/หรือ นิติกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้อง การลงทะเบียนใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท
    2. การส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ เช่น การดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ (เช่น การสมัครร้านค้าเพื่อใช้บริการ การเปลี่ยนแปลงข้อมูล การแก้ไขสัญญาการดำเนินการให้เป็นไปตามสิทธิประโยชน์ตามสิทธิ์ของลูกค้า การจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า การให้บริการ จัดการ ดำเนินธุรกรรมหลังการขาย และการอำนวยความสะดวกลูกค้า การให้คำปรึกษาหรือแนวทางการจัดการความเสี่ยงลูกค้า การจัดการข้อร้องเรียน แก้ไขปัญหา การดำเนินการตามคำขอลูกค้า การรับชำระเงินหรือทรัพย์สินใด ๆ การติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ การยุติการบริการ
    3. การดำเนินการทางการตลาด การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัทจัดขึ้น การรับคำขอใช้ผลิตภัณฑ์ บริการ และ/หรือ สิทธิพิเศษที่ท่านร้องขอ รวมถึงข่าวสาร คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และโปรโมชั่นที่คัดสรรอย่างเหมาะสม และการออกกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย เช่น การดำเนินการตามกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย การติดต่อในกรณีที่ท่านได้ยกเลิกการสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ (drop-off) เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการอื่นเพิ่มเติมที่น่าจะอยู่ในความสนใจของท่าน หรืออำนวยความสะดวกให้แก่ท่านในกรณีที่ท่านต้องการสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการประเภทเดียวกันกับบริษัทอีกครั้ง
    4. การวิเคราะห์ข้อมูลและการทำวิจัย การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติและพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ เพื่อให้ท่านได้รับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย
    5. การดำเนินงานใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น การจัดทำฐานข้อมูลลูกค้า การเก็บบันทึกข้อมูลลงระบบหรือฐานข้อมูล การศึกษา วิเคราะห์ การแจ้งเตือนชำระหนี้หรือต่ออายุผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการต่าง ๆ การติดตามทวงถามหนี้ การประเมินความพึงพอใจ การจัดการงานเอกสาร การประเมิน วิจัยการตลาด วิเคราะห์ จัดทำแบบจำลองและปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ การจัดทำรายงาน การดำเนินคดีหรือกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การติดตามการปฏิบัติตามระเบียบภายในของบริษัท การร่วมงาน การประสานงาน และ/หรือ การมอบหมายงานให้ผู้อื่นดำเนินการแทนหรือร่วมกับบริษัทเพื่อสนับสนุนการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ การโอนสิทธิ และ/หรือ หน้าที่ การบริหารกิจการของบริษัทและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย การวางแผนการดำเนินงาน การเตรียมการ และ/หรือ การจัดการงานภายในของบริษัท การใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) การควบคุมการเข้า-ออกสถานที่ทำการของบริษัท การจัดการเหตุการณ์กระทำผิดต่อกฎหมาย (เช่น การทุจริต การฟอกเงิน การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง การก่ออาชญากรรม การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งรวมถึง การวางแผนการจัดการ การตรวจสอบ การเฝ้าระวัง การเก็บหลักฐาน การรายงาน และ/หรือ การดำเนินการตรวจจับ) การบริหารความเสี่ยงบริษัท การกำกับตรวจสอบ การตรวจสอบและบันทึกทรัพย์สินและฐานข้อมูลด้านความเสี่ยงธุรกิจต่อบริษัท การบริหารจัดการภายในองค์กร การจัดเตรียม บริหารจัดการ ตรวจสอบ และปรับปรุง แพลตฟอร์มของบริษัท และ/หรือ ช่องทางการให้บริการชำระเงิน การดำเนินการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการระบบสื่อสาร และการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์ของบริษัท
    6. การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย และ/หรือ การปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามคำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลบริษัท เจ้าพนักงานของรัฐที่มีอำนาจ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายระบบการชำระเงิน กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว ทั้งที่ใช้บังคับอยู่แล้วในขณะนี้ ที่จะแก้ไขเพิ่มเติม หรือที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต
    7. การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

      ทั้งนี้ หากบริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านสำหรับการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท และ/หรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท บริษัทอาจจะไม่สามารถพิจารณาอนุมัติหรือส่งมอบ/จัดหาผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่ท่านได้ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นแก่บริษัทเมื่อมีการร้องขอ

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใครบ้าง

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือฐานทางกฎหมายอื่นตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ เช่น บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการภายนอก ตัวแทนของบริษัท ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ สถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ บริษัทข้อมูลเครดิต ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิ และ/หรือผู้รับโอนสิทธิในธุรกรรมหรือการควบรวมกิจการต่าง ๆ ของบริษัท นิติบุคคล/บุคคลใดๆ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีสัญญาอยู่กับบริษัท ซึ่งรวมตลอดถึง ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัทและของบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าว

กรณีเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลหรือหน่วยงานอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดของผู้รับข้อมูล เช่น เพื่อการส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ หรือการเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการจากผู้รับข้อมูลให้แก่ท่าน บริษัทจะแจ้งรายชื่อผู้รับข้อมูลให้ท่านทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจให้ความยินยอม

บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศหรือไม่

บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในกลุ่ม ธุรกิจเดียวกันที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนแพลตฟอร์มคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ ในต่างประเทศพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งที่ร่วมมือกันในการจัดหาผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ และพันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ร่วมกัน และผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น

กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานไม่เพียงพอ บริษัทจะดูแลให้มั่นใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงรักษาความลับกับผู้รับข้อมูลในประเทศดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย หรือในกรณีที่ผู้รับข้อมูลเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย บริษัทอาจเลือกใช้วิธีการดำเนินการให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน (Binding Corporate Rules) ที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินการให้การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยที่อยู่ต่างประเทศเป็นไปตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลก็ได้

บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าใด

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่ท่านเป็นลูกค้าหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ และเมื่อท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัท บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นตามระยะเวลาที่จำเป็นตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น

  • จัดเก็บไว้ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 5-10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์ตามแต่กรณี
  • จัดเก็บไว้ตามกฎหมายระบบการชำระเงิน กฎหมายการบัญชี กฎหมายภาษีอากร 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์

ทั้งนี้ บริษัทจะมีการดำเนินการในขั้นตอนที่เหมาะสม ลบ/ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว โดยในกรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลไว้แก่บริษัทแล้ว แต่ต่อมาท่านมิได้เข้าเป็นลูกค้าหรือมีความสัมพันธ์กับบริษัท บริษัทจะลบ/ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่ท่านได้เข้าสมัครกับบริษัท

บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ Administrative Safeguard) และมาตราการป้องกันทางกายภาพ (Physical Safeguard) เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้อง ครบถ้วน สภาพความพร้อมใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการเข้าถึง เก็บรวบรวม เปลี่ยนแปลง แก้ไข ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด รวมถึงบริษัทได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น

สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง

สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ท่านสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์

  1. สิทธิขอถอนความยินยอม : หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยการถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้กระทำขึ้นก่อนการถอนความยินยอม

    ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อท่านจากการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการต่างๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับข้อเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ สิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ๆ ไม่ได้รับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่ถูกใจมากยิ่งขึ้นและสอดคล้องหรือตรงตามความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสาร คำแนะนำอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนถอนความยินยอม

  2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
  3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

    ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

  4. สิทธิขอคัดค้าน : ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่า หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี

    นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติได้อีกด้วย

  5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
  6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอใช้สิทธิคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
  7. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  8. สิทธิร้องเรียน : ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย

ทั้งนี้ ท่านสามารถดำเนินการขอใช้สิทธิต่างๆ โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 30 วัน (นับแต่วันที่ท่านได้ยื่นคำขอและเอกสารประกอบครบถ้วน) ผ่านช่องทางและสาขาของธนาคารกสิกรไทยตามที่บริษัทกำหนด ดูรายละเอียดสาขาได้ที่www.kasikornglobalpayment.com

บริษัทจะแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่

บริษัทอาจพิจารณาทบทวนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายอนุญาต ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะดำเนินการประกาศนโยบายฉบับปัจจุบันให้ท่านทราบบนเว็บไซต์ของบริษัทwww.kasikornglobalpayment.com/th/privacy-policy

ท่านจะติดต่อบริษัท และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้อย่างไร

หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัท และ/หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางดังนี้

  • เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อีเมล dpo@kasikornglobalpayment.com
    สถานที่ติดต่อ : บริษัท กสิกร โกลบอล เพย์เมนต์ จำกัด: เลขที่ 87/1 อาคารแคปปิตอลทาวเวอร์ ออลซีซั่นส์เพลส ชั้นที่ 10 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330