

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คืออะไร สิ่งที่คนทำธุรกิจจำเป็นต้องเรียนรู้
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คือ ระบบการจัดเก็บภาษีล่วงหน้าสำหรับธุรกิจและฟรีแลนซ์ ซึ่งมีอัตราแตกต่างกันไปในแต่ละประเภท โดยผู้จ่ายจำเป็นจะต้องนำจ่ายให้กับกรมสรรพากร
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการและนักธุรกิจควรทำความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ฟรีแลนซ์ หรือองค์กรขนาดใหญ่ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีประเภทนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังช่วยให้สามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกว่าภาษีหัก ณ ที่จ่ายคืออะไร หรือวิธีการคำนวณจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย จะต้องทำอย่างไรบ้าง มีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจของคุณ รวมถึงประเภทของภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่พบบ่อย และสิ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อบริหารจัดการภาษีประเภทนี้ได้อย่างมืออาชีพ
สารบัญบทความ
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คืออะไร ใครต้องรู้บ้าง?
- ใครที่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย กี่เปอร์เซ็นต์
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย มีวิธีคำนวณอย่างไร
- สรุปภาษีหัก ณ ที่จ่าย เรื่องที่ควรเข้าใจสำหรับคนทำธุรกิจ
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คืออะไร ใครต้องรู้บ้าง?
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) คือ ภาษีที่ผู้จ่ายเงิน เช่น นายจ้างหรือผู้ว่าจ้าง หักจากจำนวนเงินที่จ่ายให้แก่ผู้รับ เช่น พนักงาน ฟรีแลนซ์ หรือผู้ให้บริการ ก่อนที่จะนำส่งให้กรมสรรพากร โดยผู้รับเงินจะได้รับเอกสารรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบทวิ 50) เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีถัดไป โดยการหักภาษี ณ ที่จ่ายมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อเป็นการจัดเก็บภาษีล่วงหน้าเพื่อให้รัฐสามารถเก็บภาษีได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งผู้รับเงินสามารถนำยอดภาษีที่ถูกหักไปแล้ว มาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระในปีถัดไปได้ หรือหากถูกหักเกินกว่าฐานภาษีของตนเอง ก็สามารถขอคืนภาษีได้
อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะแตกต่างกันไปตามประเภทของรายได้ และรูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น ค่าจ้าง ค่าบริการ ค่าจ้างรับเหมา ค่าเช่า และดอกเบี้ย ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกกำหนดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ SME หรือธุรกิจขนาดใหญ่ ก็มีหน้าที่หักภาษีตามอัตราที่กำหนดและนำส่งให้กรมสรรพากรภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปอย่างถูกต้อง ส่วนผู้รับเงินที่มีรายได้จากแหล่งต่าง ๆ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่ถูกต้องหรือไม่ และเก็บรักษาเอกสารรับรองการหักภาษีไว้ เพื่อใช้ในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีถัดไป รวมถึงใช้พิจารณาการยื่นขอคืนภาษีตามขั้นตอนที่กำหนด
ใครที่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
โดยปกติแล้วการหักภาษี ณ ที่จ่าย คือ สิ่งที่ผู้จ่ายเงินต้องนำส่งกรมสรรพากรล่วงหน้า เพื่อเป็นการจัดเก็บภาษีเงินได้ประจำปีอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่ยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่าย จะมีดังนี้
ผู้จ่ายเงินตามแบบ ภ.ง.ด.3
ผู้จ่ายเงินที่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามแบบ ภ.ง.ด.3 คือ ผู้ที่จ่ายเงินได้พึงประเมินให้กับบุคคลธรรมดา ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ เช่น ค่าจ้าง ค่าบริการ หรือค่านายหน้า โดยกฎหมายกำหนดให้ผู้จ่ายมีหน้าที่หักภาษีส่วนหนึ่งไว้ ณ ที่จ่าย เพื่อนำส่งกรมสรรพากรทันทีที่มีการจ่ายเงิน การดำเนินการนี้ถือเป็นการจัดเก็บภาษีล่วงหน้า ซึ่งช่วยลดภาระการชำระภาษีของผู้รับในปลายปีภาษี
ผู้จ่ายเงินตามแบบ ภ.ง.ด.53
ผู้จ่ายเงินที่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามแบบ ภ.ง.ด.53 คือ ผู้ที่จ่ายเงินได้พึงประเมินให้กับนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นค่าสินค้า ค่าบริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ผู้จ่ายมีหน้าที่หักภาษีในอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ล่วงหน้า และนำส่งกรมสรรพากร เพื่อให้นิติบุคคลผู้รับสามารถนำยอดภาษีที่ถูกหักไว้นี้ไปใช้เป็นเครดิตภาษีเมื่อยื่นแบบแสดงรายการภาษีได้ การดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งกรมสรรพากรอย่างถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการข้อมูลเข้าระบบภาษี ดังนั้น ผู้มีหน้าที่ควรศึกษาและทำความเข้าใจรายละเอียดที่เกี่ยวข้องจากกรมสรรพากรโดยตรง
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย กี่เปอร์เซ็นต์
อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะแตกต่างกันไปตามประเภทของเงินได้พึงประเมิน ซึ่งหลัก ๆ แล้วภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย จะต้องจ่ายในเปอร์เซ็นต์มาตรฐาน ดังนี้
ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ 5%
เมื่อผู้เช่าจ่ายค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าทรัพย์สินประเภทบ้าน อาคาร ที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้าง ที่ผู้เช่าได้รับสิทธิครอบครองและดูแลรักษา ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 5% ของยอดค่าเช่า เพื่อส่งกรมสรรพากรล่วงหน้า โดยผู้จ่ายจะต้องออกหนังสือรับรองเบิกภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.50/53) ให้ผู้ให้เช่าเป็นหลักฐานสำหรับเครดิตภาษีปลายปี
ค่าจ้างรับเหมา ทำของ บริการ 3%
สำหรับการจ่ายค่าจ้างในลักษณะรับเหมาก่อสร้าง ผลิต จัดทำ ซ่อม หรือบริการทั่วไป ที่ผู้รับจ้างต้องใช้อุปกรณ์หรือวัตถุดิบของตนเอง ต้องหัก ณ ที่จ่าย 3% ตามที่กรมสรรพากรกำหนด โดยการหักภาษีนี้จะครอบคลุมทั้งค่าวัสดุและค่าแรง ซึ่งผู้จ่ายจะออกหนังสือรับรองให้ผู้รับเงินนำไปเป็นเครดิตภาษีได้
ค่าจ้างบริการวิชาชีพอิสระ 3%
เงินได้จากการว่าจ้างบริการวิชาชีพอิสระ (มาตรา 40(6)) ได้แก่ ค่าที่ปรึกษาทางกฎหมาย แพทย์ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี หรือประณีตศิลป์ เมื่อชำระค่าบริการต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ของค่าตอบแทน ทั้งนี้ผู้จ่ายจะต้องออกหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.3/53) ให้ผู้รับเงินเพื่อใช้เป็นเครดิตภาษี
ค่าโฆษณา 2%
การจ่ายค่าโฆษณาไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ ป้ายโฆษณา หรือสื่อประเภทอื่น ๆ ภาษีเงินได้ต้องถูกหัก ณ ที่จ่าย 2% ของยอดค่าโฆษณา เพื่อส่งให้กรมสรรพากรล่วงหน้า เพื่อให้ผู้รับนำไปหักภาษีปลายปีได้
ค่าขนส่ง 1%
ธุรกิจ E-Commerce ย่อมมีค่าบริการขนส่งสินค้า หรือบุคคลที่จ้างผ่านบริษัทหรือผู้ประกอบการขนส่งเอกชน อัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่ต้องเสีย คือ 1% ของค่าขนส่ง ยกเว้นกรณีใช้บริการไปรษณีย์ไทย ซึ่งได้รับยกเว้นการหัก ณ ที่จ่ายตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร
ค่าจ้าง และเงินเดือน ต่ำสุด 0%
เงินได้จากค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนพนักงานประจำ จะต้องมีการจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้าของประมวลรัษฎากร โดยเริ่มต้นที่ 0% ในกรณีที่รายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี ซึ่งผู้จ่าย (นายจ้าง) จะออกหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1) ให้พนักงานเพื่อใช้ยื่นแบบในช่วงปลายปี
ค่าจ้างทำงานหรือบริการ ต่ำสุด 0%
การจ้างทำงานหรือบริการบางประเภท เช่น งานลักษณะอิสระที่ไม่เข้าข่ายรับเหมาหรือวิชาชีพอิสระ (ฟรีแลนซ์ทั่วไป) หากยอดค่าจ้างไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามกฎหมาย (1,000 บาท/ครั้ง) จะไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย (อัตรา 0%) แต่หากยอดเกินเกณฑ์ก็ต้องพิจารณาตามประเภทและอัตราที่กำหนด ซึ่งภาษี ณ ที่จ่ายจะแตกต่างกันออกไป
การหักภาษี ณ ที่จ่ายจะต้องในแต่ละประเภท จะต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับอัตราที่ต้องจ่ายให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถคำนวณได้อย่างถูกต้องที่สุด ซึ่งควรศึกษารายละเอียดที่เกี่ยวข้องจากทางกรมสรรพากร
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย มีวิธีคำนวณอย่างไร
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายมี 2 รูปแบบหลักในการคำนวณ ตามเงื่อนไขการออกหนังสือรับรองภาษี โดยให้เลือกใช้ตามความต้องการของคู่สัญญา ดังนี้
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายแบบออกให้ตลอดไป (Gross Up)
สูตรคำนวณ: จำนวนเงินได้ที่จ่าย x อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย / (100 – อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย)
ตัวอย่าง:
1. เงินได้ที่ถือเป็นฐานในการคำนวณภาษี = 50,000 + 1,546.39 = 51,546.39 บาท
2. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย = 51,546.39 × 3% = 1,546.39 บาท
3. เงินที่ผู้รับจะได้รับ = 51,546.39 - 1,546.39 = 50,000 บาท (ผู้รับได้รับเต็มจำนวน)
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายแบบออกให้ครั้งเดียว
สูตรคำนวณ: ออกให้ครั้งเดียว สูตรคำนวณ = จำนวนเงินได้ที่จ่าย + ภาษีหัก ณ ที่จ่าย x อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ตัวอย่าง:
1. จ่ายค่าจ้าง 50,000 บาท อัตราภาษี 3%
2. ภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามอัตราปกติ = 50,000 × 3% = 1,500 บาท
3. ภาษีหัก ณ ที่จ่ายออกให้ครั้งเดียว = (50,000 + 1,500) × 3% = 1,545 บาท
4. เงินได้ที่ถือเป็นฐาน = 50,000 + 1,500 = 51,500 บาท
5. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย = 51,500 × 3% = 1,545 บาท
6. เงินที่ผู้รับได้รับ = 51,500 - 1,545 = 49,955 บาท (ผู้รับได้รับไม่เต็มจำนวน)
การคำนวณจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายควรทำความเข้าใจวิธีและขั้นตอนการคำนวณอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้กับกรมสรรพากรได้อย่างถูกต้อง ซึ่งควรศึกษารายละเอียดที่เกี่ยวข้องจากทางกรมสรรพากร
สรุปภาษีหัก ณ ที่จ่าย เรื่องที่ควรเข้าใจสำหรับคนทำธุรกิจ
การเรียนรู้เรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ให้ละเอียด โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องการเรียนรู้เรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ให้ละเอียด โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับภาษีประเภทนี้ ทั้งธุรกิจส่วนตัวและธุรกิจออนไลน์ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ที่ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย ก็คือหัวข้อต่าง ๆ ที่เราได้แนะนำไปในส่วนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษีหัก ณ ที่จ่ายคืออะไร ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย อัตราที่ต้องจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย ไปจนถึงวิธีการคำนวณเพื่อยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่าย และหากคุณเรียนรู้ทุกอย่างและดำเนินการได้ถูกต้อง ก็จะต้องเป็นประโยชน์กับธุรกิจอย่างแน่นอน
สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาตัวช่วยในการจัดการระบบชำระเงินออนไลน์ และต้องการสรุปยอดรายรับจากทุกช่องทางของธุรกิจให้เป็นเรื่องง่าย ขอแนะนำ KGP บริการรับชำระเงินนออนไลน์แบบครบวงจร ที่รองรับหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Meta Pay, QR Payment, Mobile Banking, บัตรเครดิต/เดบิต, Payment Link, E-Wallet ของ TrueMoney Wallet และบริการหักบัญชีอัตโนมัติ (Online Direct Debit) ช่วยให้ดูแลการรับชำระเงินได้อย่างครบจบในที่เดียว
KGP, Payment. Make It Smooth.
LinkedIn : Kasikorn Global Payment
อ้างอิง
1. ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย. (2563, ตุลาคม 17). กรมสรรพากร https://www.rd.go.th/27862.html
2. คู่มือการภาษี ณ ที่จ่าย. (ม.ป.ป.). กรมสรรพากร https://www.rd.go.th/fileadmin/download/insight_pasi/wht_3_53_030260.pdf
ข่าวสารและกิจกรรมอื่น ๆ
ติดตาม KGP ผ่านโซเชียลมีเดีย