

Smart Contract คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง
Smart Contract คือ ระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจาก Blockchain ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเสริมความสะดวกให้กับระบบต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
Smart Contract คือ สัญญารูปแบบใหม่ที่สามารถดำเนินการและบังคับใช้ข้อตกลงได้ด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ เมื่อมีเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ครบถ้วน โดยทำงานอยู่บนเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยเสริมความปลอดภัย และลดต้นทุนให้กับธุรกิจได้ในหลากหลายด้าน ทำให้การทำความเข้าใจว่า Smart Contract คืออะไร และ Smart Contract กับ Blockchain มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร จึงเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการทำธุรกิจยุคดิจิทัลได้อย่างมากเลยทีเดียว
สารบัญบทความ
- Smart Contract คืออะไร? มีหน้าที่อะไร?
- Smart Contract เกี่ยวข้องอย่างไรกับ Blockchain
- Smart Contract ทำงานอย่างไร
- ข้อดี-ข้อจำกัดของ Smart Contract
- ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Smart Contract
- ตัวอย่างของ Smart Contract ในปัจจุบัน
- Smart Contract พลิกโฉมโลกธุรกิจด้วยสัญญาอัจฉริยะ
Smart Contract คืออะไร? มีหน้าที่อะไร?
Smart Contract เป็นแนวคิดที่ถือกำเนิดขึ้นในยุคของ Blockchain 2.0 โดย Smart Contract หมายถึง ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกเขียนขึ้น เพื่อกำหนดขั้นตอนและเงื่อนไขในการทำธุรกรรมไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติบนเครือข่าย Blockhain โดยไม่ต้องมีตัวกลาง เช่น ธนาคาร ในการดำเนินการ ซึ่งคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันตั้งแต่ต้นถึงกลไกและเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนที่ระบบจะทำสัญญาเองตามเงื่อนไข เมื่อมีการบรรลุเหตุการณ์ที่กำหนดไว้ ก็จะสามารถช่วยลดขั้นตอนที่ซับซ้อน ประหยัดเวลา และลดความเสี่ยงจากการทุจริตที่อาจเกิดจากคนกลางได้เป็นอย่างดี
การใช้งาน Smart Contract ให้ถูกต้องและเป็นประโยชน์กับธุรกิจ ควรจะต้องมีการทำความเข้าใจและดำเนินการอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดของ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
Smart Contract เกี่ยวข้องอย่างไรกับ Blockchain
Smart Contract เกี่ยวข้องกับ Blockchain โดยตรง ตั้งแต่ยุคของ Blockchain 2.0 ที่เมื่อ Ethereum เปิดให้เขียนโปรแกรมบนเครือข่าย ก็ทำให้ Blockchain กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่เพียงบันทึกธุรกรรมแบบกระจายศูนย์และปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังดำเนินการตามเงื่อนไขสัญญาของ Smart Contract ได้แบบอัตโนมัติตามที่คู่สัญญากำหนดไว้ล่วงหน้าโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง กระบวนการนี้ช่วยลดความซับซ้อน ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ และเสริมความเชื่อถือได้ของข้อตกลงผ่านกลไกเข้ารหัสและฉันทามติบนเครือข่าย Blockchain ได้เป็นอย่างดี
การเรียนรู้เกี่ยวกับ Smart Contract และ Blockchain ให้ถูกต้องและเป็นประโยชน์กับธุรกิจ ควรจะต้องมีการทำความเข้าใจและดำเนินการอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
Smart Contract ทำงานอย่างไร
Smart Contract คือ ระบบที่ทำงานภายใต้เทคโนโลยี Blockchain ซึ่งจะมีการกำหนดขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้องไว้ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามข้อกำหนด โดยจะมีหลักการทำงานพื้นฐาน ดังนี้
1. กำหนดเงื่อนไขและข้อตกลงในรูปแบบดิจิทัล: ผู้พัฒนาจะเขียนโปรแกรมบันทึกข้อตกลง เงื่อนไข และกฎการทำธุรกรรมลงในโค้ด ซึ่ง Smart Contract ทำงานบนเครือข่าย Blockchain
2. ติดตั้งสัญญาลงบน Blockchain: เมื่อโค้ดสมบูรณ์ จะถูกนำไปติดตั้ง (Deploy) บนเครือข่าย Blockchain ทำให้สัญญาถูกเก็บอย่างถาวรและโปร่งใส
3. เรียกใช้งานด้วยธุรกรรม: เมื่อมีผู้ใช้งานหรือระบบส่งธุรกรรมที่ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้เข้ามาในระบบ สัญญาจะถูกเรียกใช้งานอัตโนมัติ
4. ตรวจสอบและยืนยันโดยโหนด: โหนด (Nodes) หรือคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายจะใช้กลไกฉันทามติ (Consensus Mechanism) ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมและยืนยันว่าตรงตามเงื่อนไขในสัญญา
5. ดำเนินการทำสัญญาและบันทึกผลลัพธ์: เมื่อผ่านการยืนยัน ระบบจะดำเนินการตามคำสั่งในโค้ดทันที และผลลัพธ์ของการทำธุรกรรมจะถูกบันทึกลงใน Blockchain ทำให้ทุกส่วนของสัญญามีข้อมูลล่าสุดและตรวจสอบย้อนหลังได้เสมอ
ข้อดี-ข้อจำกัดของ Smart Contract
การใช้งาน Smart Contract จะมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไปตามสถานการณ์ ซึ่งสามารถแบ่งแยกหลัก ๆ ได้ ดังนี้
ข้อดี
- ทำงานอัตโนมัติและรวดเร็ว: เมื่อเงื่อนไขถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า Smart Contract จะทำงานโดยอัตโนมัติแบบไม่ต้องรอการอนุมัติจากคนกลาง จึงลดเวลาและขั้นตอนที่ซับซ้อนลง
- มีความโปร่งใสและปลอดภัย: ทุกธุรกรรมถูกบันทึกและเข้ารหัสบน Blockchain ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ และลดโอกาสการทุจริตหรือปลอมแปลงได้เป็นอย่างดี
- การลดค่าใช้จ่าย: การไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง เช่น ธนาคาร หรือทนายความ ช่วยให้สามารถตัดค่าใช้จ่ายในการจ้างตัวกลางได้
- ความแม่นยำ: การทำงานตามโค้ดที่เขียนไว้ ช่วยลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดของมนุษย์ เป็นการช่วยรับประกันว่าการดำเนินการจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
ข้อจำกัด
- ความยืดหยุ่นน้อย: การแก้ไขสัญญาที่ติดตั้งบน Blockchain ไปแล้วทำได้ยากและซับซ้อนมาก จึงต้องออกแบบและตรวจสอบอย่างรอบคอบตั้งแต่แรก
- ข้อผิดพลาดจากโค้ด: หากโค้ดมีช่องโหว่ (Bug) อาจถูกแฮกเกอร์โจมตีและส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานได้โดยตรง
- ข้อจำกัดด้านการประมวลผล: Blockchain เหมาะกับการจัดเก็บข้อมูลเล็ก ๆ และตรรกะที่ไม่ซับซ้อนมากนัก การประมวลผลธุรกรรมที่ซับซ้อนหรือข้อมูลขนาดใหญ่บน Blockchain ยังมีต้นทุนสูงและอาจทำงานได้ช้า
- ข้อกฎหมายและการยอมรับ: ในหลายประเทศยังไม่มีกรอบกฎหมายรองรับ Smart Contract อย่างชัดเจน ทำให้การบังคับใช้และการพิสูจน์ในชั้นศาลยังอาจมีข้อจำกัด
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Smart Contract
ก่อนจะเริ่มใช้งาน Smart Contract จะข้อควรรู้พอสมควรที่จะทำให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ซึ่งส่วนที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Smart Contract คือ หัวข้อต่าง ๆ ดังนี้
- ศึกษาพื้นฐานให้เข้าใจ: เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจเทคโนโลยี Blockchain และหลักการทำงานของ Smart Contract เพื่อให้รู้ข้อดี ข้อจำกัด และวิธีใช้งานอย่างถูกต้อง ตั้งแต่การเขียนโค้ดไปจนถึงการทำงานของสัญญา
- เขียนโค้ดอย่างระมัดระวัง: เนื่องจาก Smart Contract ถูกบันทึกบน ฺBlockchain อย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งการมีบั๊กหรือช่องโหว่ในโค้ดอาจนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สินหรือปัญหาต่าง ๆ ได้ ดังนั้น จึงควรตรวจสอบ ทดสอบ และ Audit โค้ดอย่างละเอียดก่อนใช้งานจริง
- เลือกใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้: ควรพิจารณาใช้เครือข่าย Blockchain หลักที่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง เช่น Ethereum หรือ Binance Smart Chain ซึ่งมีเครื่องมือและชุมชนนักพัฒนาช่วยเสริมความปลอดภัยและความเสถียร
- จัดการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด: นอกจากการเข้ารหัสข้อมูลแล้ว ควรใช้แนวทาง Penetration Testing และ Security Audit จากผู้เชี่ยวชาญภายนอก เพื่อตรวจหาช่องโหว่และป้องกันการถูกโจมตีหรือการแก้ไขสัญญาโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตัวอย่างของ Smart Contract ในปัจจุบัน
ในปัจจุบัน Smart Contract ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจและสามารถพบเห็นได้จะมีอยู่หลัก ๆ ดังนี้
- Decentralized Finance (DeFi): แพลตฟอร์มอย่าง Aave และ Compound ใช้ Smart Contract เพื่อสร้างระบบการกู้ยืมและฝากสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ peer-to-peer หรือ P2P อัตโนมัติ โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร
- การโอนเงินข้ามพรมแดน: Smart Contract ช่วยให้การทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศรวดเร็วและประหยัดค่าธรรมเนียมได้ โดยระบบจะดำเนินการโอนทันทีที่เงื่อนไขครบถ้วน
- การจัดการข้อมูลผู้ป่วย: Smart Contract สามารถบันทึกและควบคุมการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพผู้ป่วยใน Clinical Trials ที่ทำการทดลองใช้งานได้อย่างปลอดภัยและโปร่งใส
- อสังหาริมทรัพย์: ระบบที่ถูกออกแบบมา เช่น Propy ใช้ Smart Contract ในการทำสัญญาซื้อ-ขายและโอนกรรมสิทธิ์บน Blockchain ช่วยลดกระบวนการทางเอกสารและค่าธรรมเนียมได้มากขึ้น
- การจัดการลิขสิทธิ์เพลง: แพลตฟอร์ม เช่น Audius และ Royal ใช้ Smart Contract ในการแบ่งจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ศิลปินโดยอัตโนมัติ เมื่อมีการสตรีมหรือขายผลงาน
Smart Contract พลิกโฉมโลกธุรกิจด้วยสัญญาอัจฉริยะ
Smart Contract คือนวัตกรรมสำคัญที่เข้ามาปฏิวัติวิธีการทำธุรกรรมในยุคดิจิทัล ด้วยความสามารถในการทำงานอัตโนมัติบนเครือข่าย Blockchain ที่มีความโปร่งใส ปลอดภัย และไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง แม้จะมีข้อจำกัดด้านความซับซ้อนในการพัฒนาและข้อกฎหมาย แต่ประโยชน์ที่ได้รับจากการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความไว้วางใจในระบบธุรกิจ ทำให้ Smart Contract กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่มีศักยภาพสูงที่จะขับเคลื่อนธุรกิจแห่งอนาคตในแทบทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น ด้านการเงิน อสังหาริมทรัพย์ การจัดการข้อมูล หรือการจัดการลิขสิทธิ์ โดยผู้ที่สนใจควรศึกษาพื้นฐานและข้อกำหนดทางกฎหมายให้เข้าใจก่อนนำไปใช้งานจริง
KGP, Payment. Make It Smooth.
LinkedIn : Kasikorn Global Payment
อ้างอิง
1. SMART CONTRACT คืออะไร ?. (กันยายน 29, 2561). สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์. https://www.etda.or.th/th/Useful-Resource/knowledge-sharing/articles/What-is-Smart-Contract.aspx
ข่าวสารและกิจกรรมอื่น ๆ
ติดตาม KGP ผ่านโซเชียลมีเดีย